บ่นอะไรว่ะ: เมื่อ VPN ไม่ใช่ที่พึ่งทั้งชีวิต(การทำงาน) | TomNiZo

***** คำเตือน: บทความเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว และ เป็นการบ่นล้วน ๆ จึงขอให้มีวิจารญาณในการอ่านกันด้วยครับ

มีนาคมแล้ว ที่ไม่ได้เขียนหายไปนานเลย พอดีมีหลาย ๆ อย่างจะต้องรับผิดชอบอีกเยอะเลย ช่วงนี้ ถึงช่วงโควิดยังไม่หายไปซะทีเดียว

เศรษฐกิจอยู่ในช่วงลุ่ม ๆ ลอน ๆ อย่างรุนแรงมาก ๆ แม้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดกองทุนนี่แบบ โอ๊ยยยยยย!! เราเองก็เล่นนะ แต่ตอนนี้คงถอยก่อนเลย แมร่ง คือ ไม่ไหวจะเคลียร์เลย บอกตรง ๆ นี่ขนาดขอถือต่ออีกสองวัน แล้วเจอสภาพแบบนี้ ARKKKKKK ได้ขนาดนี้เลย อ่ะ ใครที่ถือกองทุน ใครเล่นหุ้นอยู่ ก็ขอให้โชคดีมีชัยครับกับสภาวะแบบเอาดี ๆ ไม่เคยได้เลยจริง ๆ แล้วไม่รู้ว่าจะลงอีกนานแค่ไหน

แต่ก็อย่างว่าละนะ ดูพอร์ตตัวเองแล้ว แอบมีน้ำตาไหลอยู่ดี ถึงแม้เราจะตัด Cut Lost แต่ถึงขั้นปรึ่ม ๆ แล้วก็เถอะ หัวเราะไป ร้องไห้ไป มีจริงนะ แง้!!!!

เข้าเรื่องเลยดีกว่า กับบ่นอะไรว่ะ ตอนนี้ คือ เรื่อง VPN นั้นเอง

ทำไมถึงได้บ่นเรื่องนี้ละ เนื่องจากผมได้งาน ๆ หนึ่งมา คือ บริษัทลูกค้าเนี่ย กำลังจะทำเป็นบริษัทแยกเป็นบริษัทลูกอีกทีนั้นแหละ ซึ่งเราเองก็ไม่เข้าใจว่า จะแยกทำไมหว่า ทั้ง ๆ ที่บริษัทตัวเองก็ Take Over ไปแล้วนิ หรือว่า เทรนบริษัทในยุคต่อไปนี้ กำลังจะเปลี่ยนไป??

แต่ประเด็นคือ เราไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเอาระบบ VPN เป็นที่พึ่งทั้งชีวิตการทำงานด้วยละ??

แล้วระบบอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้ไม่ดีเลยหรอ??

คือ อย่างงี้ ระบบในองค์กรจะไม่เหมือนระบบในบ้านปกติทั่วไป เพราะ มันมีข้อมูลที่เป็นความลับขององค์กรไง มันเลยต้องทำระบบป้องกันข้อมูลรั้วไหลออกมา แล้วทำไมถึงเข้าใจว่าการใช้ VPN เป็นที่พึ่งทั้งหมด ก็เพราะว่า

VPN ย่อมาจาก Virtual Private Network เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายนอกอาคาร (WAN — Wide Area Network) เป็นระบบเครือข่ายภายในองค์กร ซึ่งเชื่อมเครือข่ายในแต่ละสาขาเข้าด้วยกัน โดยอาศัย Internet เป็นตัวกลาง มีการทำ Tunneling หรือการสร้างอุโมงค์เสมือนไว้รับส่งข้อมูล มีระบบเข้ารหัสป้องกัน การลักลอบใช้ข้อมูล

ถึงแม้ว่าระบบองค์กรจะดีแค่ไหน แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิด Work For Home ในช่วงโควิดระบาดละ จะเกิดอะไรขึ้น การที่ใช้ VPN ในการเชื่อมอินเตอร์เน็ตที่ไหนก็ได้ ไม่เว้นแม้กระทั้งบ้านตัวเอง ก็จำเป็นต้องใช้

แต่เรามักจะลืม หรือ ชอบมองข้าม ไปเลยว่า การใช้ VPN มันก็มีข้อจำกัดอยู่นะ ไม่ใช่ ISP นะจ๊ะ

ทำไม VPN ถึงไม่ใช่ที่พึ่งทั้งหมดขององค์กร ก็เพราะว่า

ระบบนี้ไม่ได้รองรับเพื่อการต่อระบบเป็นจำนานมาก ๆ พร้อมกัน สิ่งที่เราเองเจอกับผู้คนในหลาย ๆ ที่ ให้เห็นง่าย ๆ เลย คือ ช่วงโควิดก่อนปีใหม่นั้นแหละ เห็นปัญหาทันที คือ ระบบ VPN ล่ม ตอนสิ้นเดือน ทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพราะ ระบบเครื่อข่ายตัวนี้มีพื้นที่ที่มีขีดจำกัดจริง ๆ การเข้าระบบจะต้องมีการตรวจเช็คการยืนยันของ IP ที่จะเข้าไปด้วย ซึ่งระบบองค์กร ก็จะไม่ใช้ VPN แบบปกติทั่วไปแน่ ๆ จะต้องใช้ระบบ Private VPN ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พวก Pulse Secure อย่างงี้เป็นต้น

สอง คือ Tranfer การเข้า ออก ค่อนข้างแคบ เพราะระยะทางของ Server ต่างประเทศ กับ บ้านเรา มันห่างไกล เพราะถึงได้มีข้อเกตว่า ทำไมถึงต่อ VPN ช้าบ้าง รอนาน กดหลายรอบถึงจะติด นั้นคือเป็นสิ่งที่จะต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย เพราะระบบ VPN มันไม่ได้อำนวยได้ขนาดนั้น

ปัญหาคอขวดของระบบ Network คือ ปัญหาที่แก้ไม่จบ เพราะด้วยระบบที่ความปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัวสูง ๆ ก็ต้องแลกกับการเข้าถึงที่ยากเย็นจริง ๆ และ ช่องทางเข้าที่ไม่สะดวกกับใช้ Internet ISP

ฉะนั้น เราจึงจะต้องทำความเข้าใจกันใหม่ซะทีว่า VPN เป็นระบบมีความปลอดภัย แต่ไมเหมาะกับสร้างระบบแบบที่มีรายการ Tranfer เป็นจำนวนมาก ๆ ในเวลาเดียวกัน ยิ่งมีคนเข้าระบบเยอะเมื่อ ปัญหาคอขวด ก็จะตามมาและทำเกิดระบบล่ม จนเข้าระบบไม่ได้ในที่สุด

ซึ่งเราเองก็เข้าใจนะว่าอยากได้ความปลอดภัยแต่ก็จะต้องทำความเข้าใจใหม่ซะว่า ความปลอดภัยจะแลกกับความสะดวกสะบายอยู่เสมอ ๆ ไม่ว่าในกรณีใด ๆ

แต่ถ้าวันไหน VPN ล่ม ก็อย่าด่าพวกผมก็พอแล้วครับ ไปจัดการเรื่องบ้าง ขอเถอะ

--

--

ต้อมราตรีศรีโซะ

Senior Associate Consultant, Support & Security | Tarot & Oracle Reader | Astrology & Numerology | For Work: tomnightsay2394sis@gmail.com