ประสบการณ์ตรงจากใจ ที่หมอดูไม่เคยแนะนำ | TomNiZo x RisaSaymu

เอาจริง ๆ แล้ว ตอนแรกก็ว่าจะเขียนเรื่องอื่นบ้าง แต่บังเอิญว่า เราเองก็ได้ไปคุยกับ เพื่อนหมอดูคนหนึ่งที่ Live บน Instagram อย่าง ลิปณัฐนาคา / ดูดวง ซึ่งเธอก็ Live ไปเรื่อยของเขาไป เราก็ฟังนะ แชท คอมเม้นท์ใน Live นั้นแหละ ฮา พอแม่หมอเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ก็เลยเอ้ย ๆ ได้ไอเดียจากไลฟ์นั้นเฉยเลย ซึ่งไม่รอช้า ความคิดและประสบการณ์ที่แลกเปลี่ยนกัน แล้วเป็นประโยชน์กับลูกดวงทุกคน ก็เลยต้องเขียนซะหน่อย

Photo by MiraCosic

อันนี้เอาเนื้อหาจาก Live มาบางส่วนนะ เอาแบบที่จำได้ก็แล้วกัน คือแบบ ฟังเพลินจริง ๆ นะ และ เอาประสบการณ์ของตัวเองที่ เอ๊ะ มันคล้าย ๆ กันอยู่ ผสมกันไปด้วยเลย ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มเลอ…

ความรัก ความสัมพันธ์ ของเด็กรุ่นยุคใหม่ ที่ไม่มีอยู่ในสื่อ ♥️

ถ้าจะว่ากันจริง ๆ แล้ว เรื่องของการดูดวงกับความรัก คือ เป็นอันดับแรกเริ่มของคนเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยที่คำถามที่โดนถามบ่อย ๆ ในห้องดูดวงฟรี อย่างเช่น “ในช่วงสามเดือนนี้ จะมีคนรักเข้ามาหาเราไหม??” “ขอดูดวงเรื่องการเรียนหน่อยค่ะ ว่าเป็นยังไงบ้าง” หรือ “หนูเครียดเรื่องแฟนค่ะ ช่วยเปิดไพ่ให้หน่อยค่ะ ว่าเขาแอบคนใหม่ไหม??”

คือ คำถามเหล่านี้ มันเป็นคำถามที่ธรรมดานะ แต่ด้วยที่คนถามนั้นแหละ ที่ไม่ปกติ เราก็พบเจอว่า ณ ตอนนี้ เด็ก ๆ กลับมีความรู้สึกอยากมีความรักที่เป็นในรูปของ “แฟน” มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย แค่เด็กมัธยมก็โหยความรักกันแล้ว OMG!! ซึ่งเราคงเห็นแล้วละว่า ที่บอกนัก บอกหนาว่า สังคม ณ ข้างหน้านั้น แทบจะเป็นสูงวัย??? อัตราการมีลูกลดลงต่อเนื่อง แต่ว่าทำไมพอเราเข้าไปสัมผัสเด็กวัยรุ่นสมัยนี้แล้ว กลับอึ้งไปเลยว่า ถึงขั้นอยู่ก่อนแต่งกันแล้ว ซึ่งคิดดูละกันว่า ทำไมโลกบนสื่อ กับ โลกบนความจริง ๆ ๆ อีกด้าน ทำไมถึงกลับดูย้อนแย้งซะเหลืกเกินว่ะ!?

แพ๊คเกจดูดวง สามารถติดต่อได้เลยครับ (ขายของนิดหนึ่ง)

ค่าครูที่เบสิคที่ไม่เบสิค ♥️

เอาจริง ๆ แล้ว เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เบสิคอยู่แล้วละว่า เวลาจะดูดวงกับใครก็มีค่าครูทั้งนั้น ซึ่งฟังสิ่งที่ริซาพูดถึงนั้น เธอหมายถีงการต่อยอดวิชาชีพและใช่ว่าทุกคนจะเป็นหมอดูได้เลย ถ้าไม่ได้พูดถึงเรื่องการมีเซนส์ หรือ การมีญาณต่าง ๆ แต่มันเป็น “จรรยาบรรณ” ที่ขาดหายในสังคมนี่แหละ ซึ่งเธอก็บอกว่า เธอมองเห็นแล้วว่า เริ่มมีคนสนใจจะเป็นหมอดูกันมากขึ้น มันไม่หรอกที่จะทำแบบนั้น แต่เธอไปโฟกัสไปที่ว่า การดูดวงในเชิงรายละเอียด และ ใส่ใจในทุก ๆ เคสที่เข้ามามากกว่า

สิ่งที่ต้องห้ามดูดวงในเรื่องพวกนี้ แล้วพวกเธอจะปลอดภัย ♥️

  • ความเป็น ความตาย เธอก็มองว่า ต่อให้มีครู อาจารย์ เยอะแค่ไหน แต่ก็ยังมองว่า มันเป็นเรื่องของคนละโลกกัน อย่ามองเป็นโลกมุมเดียว
  • ครอบครัว โดยเฉพาะเรื่อง พ่อ แม่ ควรจะอยู่ด้วยไหม ? หรือ ลูกคนไหน พึ่งพาได้ ? เรื่องนี้เธอมองว่ามันเป็นเรื่องปัญหาภายในครอบครัวเขามากกว่า เพราะเนื่องจากเราไม่สามารถแก้ปัญหาของเขาได้เลย

ความคิดเห็นส่วนตัว

ส่วนตัวก็เคยเจอเรื่องนี้มาแล้วด้วย จากลูกดวงคนหนึ่ง ที่บอกเลยว่า ที่เป็นหมอดูมาได้ ก็เพราะน้องคนนี้แหละ ถึงได้เข้าใจปัญหาของครอบครัวน้องเขา ซึ่งน้องเป็นโรคซึมเศร้าด้วย โดนข่มขืนจากพ่อเลี้ยงมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เขาอยู่ในครอบครัวที่แบบมืดมนมากจริง ๆ แต่ตัวเองก็พยายามดึงเขาออกมาจากหลุมดำตรงนี้ได้ครั้งหนึ่ง แล้วค้นพบว่าปัญหาใหม่ก็ยังไม่จบไม่สิ้นซะที ปัญหาเก่าจบแล้ว แต่ปัญหาใหม่ก็เข้ามาแทนที่ต่อ แถมเป็นแม่เสียเอง ที่สร้างเรื่องใหม่ ยังไงให้ลูกตัวเองไปอยู่กับครอบครัวให้ได้ และ พยายามทำผิดกฏหมายด้วย ที่เราตกใจและช็อคแบบว่า เฮ้ย!! จริงดิ ? คือการเอาครอบครัวตัวเอง ไปอยู่เกาหลีแบบผิดกฏหมาย หรือว่า ผีน้อย นั้นแหละ ซึ่งเราทำได้แค่ชี้และไกด์ไลน์ให้เห็นมากกว่า และที่เหลือให้เขาไปคิดเอาเองมากกว่า เราไม่ได้สั่งให้เขาทำตาม หรือ ที่เราอยากให้ทำ แต่เป็นการให้คนละครึ่งทางซะมากกว่า

  • ไม่ควรถามเรื่องเนื้อคู่ ? แล้วถ้าเกิดเลิกกันละ ? เรื่องมือที่สาม ? เธอบอกว่า ทำไมถึงไม่ควรถาม เพราะ มันเป็น “มารยาท” และ “ชีวิตส่วนตัว” เพราะ เราไม่สามารถไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกดวงได้เลย แต่ทำไมหมอดูถึงชอบทำนัก ซึ่งเราเองก็มองเหมือน ๆ กันว่า มันสมควรถามหรือไม่ ?? ก็ต้องย้อนกลับไปเรื่องมารยาทอยู่ดีนั้นแหละ
  • ปัญหาการเลิกรา ? จากประสบการณ์ที่เธอเจอมา ก็มีปัญหาแบบนี้มาโดยตลอด เธอมองว่า การดูดวงในแต่ละครั้ง สิ่งที่ควรรับผิดชอบที่สุด คือ วาจา
  • ทายเพศเด็ก ทำไมถึงห้าม ?? เธอก็บอกอีกว่า ถ้าเราไปทายเพศเด็กเพศหนึ่ง แต่สุดท้ายกลับไม่ใช่อย่างที่เราทายละ ? ซึ่งเธอมองว่า มันเป็นการสร้างความหวังให้กับเขาไปก่อนหน้านี้แล้ว
  • ถามเจ้ากรรม นายเวร ทำไมถึงห้ามถาม เธอมองว่า มันเป็นจังหวะชีวิต เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ลูกดวงไปเจออะไรมา ? แล้วหมอดูกลับทักแบบ สุ่มสี่ สุ่มห้า ขนาดนั้น ซึ่งยังจะต้องย้ำเหมือนเดิมว่า “วาจา” ของเรานั้นแหละ สำคัญที่สุดในการเป็นหมอดู

วาจาเป็นทรัพย์ หรือ แค่เป็นสิ่งควรจะมี ที่พ่วงกับ ความรับผิดชอบ ♥️

เธอก็มองเห็นที่ลูกดวงเข้าใจและไม่เข้าใจในเรื่องพวกนี้ค่อนข้างเยอะ สิ่งที่ควรระวังมากที่สุด คือ “วาจา” เพราะเขาเป็นมองเราเป็นที่ปรึกษา เป็นที่พึ่งทางใจ เหมือนครูแนะแนว

การดูดวง ไม่อยากให้เป็นเรื่องที่ งมงาย นักเลย เพราะ 1% เป็นการดูดวง แต่ที่เหลือ อยู่ที่การกระทำของเราเองนั้นแหละ ซึ่งย้อนไปเรื่องความรักแล้ว การใช้ชีวิตคู่ ให้อยู่นาน คือ การปรับ mindset ของกันและกัน

ความรักเป็นเรื่องเซนส์ซิทีฟที่สุดจริง ๆ เพราะมันมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ๆ ด้วย ด้วยคำถามที่แบบในแง่ลบ ๆ ขนาดนั้น วิธีทีเดียวทำได้คือ การหลีกเลี่ยงตอบคำถามแบบนิ่มนวลที่สุด

ทุกวันนี้ที่เป็นหมอดูกันง่าย ๆ แต่ที่ไม่ง่ายก็คือ “วาจา” อยู่ดี ต่อให้เรียนรู้มาเยอะแค่ไหน ยังไง “วาจา” ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ ที่ยังต้องให้ความสำคัญอยู่ เธอถือคติที่ว่า

“เมื่อเราพูดออกไปแล้ว คำพูดนั้นจะย้อนกลับมาหาเราเสมอ ถ้าหากพูดไม่ระวัง ก่อนจะพูดอะไร เราควรเป็นนาย ก่อนคำพูด ไม่ใช่ให้คำพูด เป็นนายเรา”

ต่อหน้าไพ่มันไม่ดีแค่ไหน สุดท้ายเราเองที่จะต้องระวังการพูดมาก ๆ เพราะ ถ้าเราพูดแบบไม่ระวัง มันทำให้คนฟัง ฟังแล้วความรู้สึกไม่เหมือนเดิมได้เลย เราควรมีกำหนดข้อจำกัดด้วยว่า ควรจะอยู่ระดับไหน? ก็ถือว่าเป็นการระวังไปในตัวด้วยเลย และ จรรยาบรรณ ที่ไม่ควรขาด พร้อมกับระวังเรื่อง วาจา ด้วย ซึ่ง ส่วนตัวมองว่า มันเป็นสองสิ่งที่ควรอยู่ที่ไม่ว่าอาชีพไหน ก็ต้องมีควรสองสิ่งนี้ด้วย การเป็นหมอดู มันเป็นอาชีพที่ให้คำปรึกษา การให้ consultant ให้กับผู้คนที่มีปัญหาจริง ๆ แล้วไม่มีทางออก ซึ่งเรานั้นต้องให้คำตอบที่ ไม่ใช่ดีที่สุด แต่ได้คำตอบที่ win win ทั้งสองฝ่ายซะมากกว่า

เราได้อะไรจากการคุยริซา และ แลกทัศนคติ ♥️

การพูดให้กำลังใจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ แต่หมอดูมักไม่ทำกัน ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบนะ การเป็นหมอดูที่ไม่รับผิดชอบอะไรเลย โดยเฉพาะเรื่องของการพูดจากที่ดูแล้ว เจ็บปวด มาก ๆ หมอดูที่ไม่แคร์ลูกดวง สายฟาด ๆ แล้วพูดจาแบบสุ่มสี่ สุ่มห้า ในแบบที่เขาไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ แล้วอ้างว่ามีเซนส์ มีญาณทิพย์ทั้งหลาย ซึ่งไม่รวมถึงลองของนะ อันนี้ถือว่า เป็นกระทำที่แย่อย่างหนึ่งมากกว่า ซึ่งในวงการหมอดู เดี๋ยวนี้เป็นง่าย แต่ว่ามีหลาย ๆ อย่างที่ขาดหายไป คือ จรรยาบรรณ และ วาจา ต่อให้เราเก่งในการอ่านไพ่แค่ไหน เรียนมากี่สำนัก แต่ว่า เราไม่เคยสังเกตเลยว่า การเป็นหมอดูที่ดี ให้ได้มี Feel Good และ สามารถ Win Win ทั้งสองฝ่าย มันเป็นยังไง และ คำถามที่สัมภารณ์มานั้น เราเองก็ไม่เอาด้วยนะ ที่จะเอามาเป็นประเด็นในการดูดวง เพราะ มันเป็นอะไรที่แบบ ไม่อยากรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมากกว่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราไม่รู้จริง ๆ นะว่า พื้นฐานของลูกดวงแต่ละคนเกิดจากอะไรบ้าง แต่เราทำนะด้วยการระวังวาจา ระวังใจ เนี่ยแหละ สำคัญที่สุดแล้ว

--

--

ต้อมราตรีศรีโซะ

Senior Associate Consultant, Support & Security | Tarot & Oracle Reader | Astrology & Numerology | For Work: tomnightsay2394sis@gmail.com